การผ่าตัดแปลงเพศ
คนข้ามเพศมีความต้องการที่หลากหลาย การผ่าตัดแปลงเพศสำหรับชายและหญิงข้ามเพศ
คนข้ามเพศมีความต้องการที่หลากหลาย การผ่าตัดแปลงเพศสำหรับชายและหญิงข้ามเพศ จำแนกรูปแบบการผ่าตัดเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- การผ่าตัดหน้าอก (Top Surgery) ประกอบด้วยการตัดหน้าอกและการเพิ่มขนาดของหน้าอก
- การผ่าตัดอวัยวะเพศ (Bottom Surgery) ประกอบด้วยการตัดมดลูกและรังไข่ การสร้างอวัยวะเพศชายใหม่ การสร้างช่องคลอดใหม่และการตัดอัณฑะ
- การผ่าตัดอื่น ๆ หมายถึงการเสริมสะโพก การเหลาลูกกระเดือก การเหลากราม การเปลี่ยนโครงหน้าให้เป็นหญิงหรือชาย
การพบจิตแพทย์ก่อนแปลงเพศสำคัญอย่างไร
- ก่อนรับการผ่าตัดแต่ละชนิดอย่างละเอียดตามเกณฑ์มาตรฐานของประเทศไทย โดยเบื้องต้นต้องผ่านการวินิจฉัยและยืนยันจากจิตแพทย์ว่ามีความประสงค์ที่จะแปลงเพศจริง ไม่ใช่ความปรารถนาเพียงชั่วขณะ เนื่องจากการผ่าตัดจะทำได้ครั้งเดียว หากแปลงเพศแล้วไม่อาจแปลงกลับมาดังเดิมได้ ใครที่ไม่ผ่านการวินิจฉัยของจิตแพทย์ย่อมผ่าตัดไม่ได้
- จิตแพทย์เพียงต้องการความมั่นใจว่าผู้เข้ารับบริการแน่วแน่ในเจตจำนงของตนโดยจะไม่เสียใจภายหลัง และไม่ใช่ความสับสนอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับคนไข้จิตเภทที่มีอาการหลงคิดว่าตนอยากแปลงเพศ อยากเป็นคนข้ามเพศ มีปัญหาบุคลิกภาพหรือเป็นผู้ที่มีความสุขทางเพศจากการแต่งกายเป็นเพศตรงข้ามเท่านั้น
- นอกจากนี้อาจต้องผ่านการดำเนินชีวิตในวิถีของคนข้ามเพศมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี และสำหรับการผ่าตัดบางชนิดก็ควรได้รับยาฮอร์โมนเพื่อการข้ามเพศแล้วอย่างน้อย 1 ปี ส่วนใครที่แพ้ยาสลบ ไม่สามารถดมยาได้ รวมทั้งใครที่ร่างกายไม่อาจผ่าตัดได้ก็จะไม่ได้รับบริการการผ่าตัดเพื่อการข้ามเพศได้
อายุเท่าใดจึงเข้ารับบริการแปลงเพศได้
- ผู้รับบริการที่มีอายุ 18-20 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนเสมอ ตามข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมเรื่องเกณฑ์การรักษาเพื่อแปลงเพศ พ.ศ.2552 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัยผู้ใหญ่เป็นหลัก
- อย่างไรก็ตามไม่มีการระบุชัดว่าอายุที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนั้นคือกี่ปี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการเป็นสำคัญ เนื่องจากบางคนต้องการข้ามเพศในวัยรุ่น อีกคนกลับต้องการหลังอายุ 40 ปีแล้ว
https://empowerliving.doctor.or.th/case/31