เลือกธีมสี

การเสริมความงาม

 ในทุกวันนี้กระแสการรณรงค์เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในประเทศไทย ความจริงแล้วในต่างประเทศ​หรือประเทศเสรีมีการเปิดกว้าง และให้การยอมรับกลุ่มคนที่มีความหลากลายทางเพศ หรือชาว LGBTQ ซึ่งสิ่งที่แสดงออกได้เห็นก็มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นกฎหมายการอนุญาติให้แต่งงาน และจดทะเบียนสมรสในเพศเดียวกันได้ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์ , เบลเยียม , แคนนาดา , สเปน , นอร์เวย์ , สวีเดน , อังกฤษ , บราซิล , ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆอีกมากมาย และนั้นยังรวบไปถึงเหล่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ออกแบบมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ถึงการสนับสนุนในเรื่องของความหลายหลายทางเพศ โดยใช้โทนสีอันเป็นสีที่เรียกว่าเป็นสีธงชาติของชาว LGBTQ อย่างสีรุ้งนั้นเอง แต่จะมีแบรนด์อะไรในฝั่งของบิวตี้แฟชั่นบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ เรียกว่าถูกใจสาวกแดร็กควีนไม่น้อยเลยล่ะค่ะ ขออธิบายคำว่าแดร็กควีก (Drag Queen) สั้นๆ ว่าคือกลุ่มคนที่มีเพศสภาพเป็นชาย แต่มีความสามารถอันโดดเด่นในการแปลงกาย และแต่งแต้มสีสัน จริตให้ดูเป็นตัวแม่ได้อย่างสวยงามและน่าชื่นชม ซึ่งแบรนด์บิวตี้  Morphe ได้เปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษที่ใช้โทนสีรุ้ง และสีสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ของชาว LGBTQ เป็นโทนหลัก ซึ่งคอลเลกชั่นนี้มีถึง 4 ไอเท็มที่น่าสนใจ คือ 10G GLSEN UP ARTISTRY PALETTE อายชาโดว์พาเลท ,  A BETTER WHIRLED BRUSH COLLECTION ชุดแปรงแต่งหน้า ที่มาพร้อมกระเป๋าโฮโลแกรม , CONTINUOUS SETTING MIST – PRIDE EDITION เซตติ้งสเปรย์ และ LIP GLOSS – SPEAK OUT ลิปกลอส ที่มาพร้อมกลิตเตอร์สุดว้าว นอกจากเป็นการแสดงออกในจุดยืนของแบรนด์แล้วนั่น รายได้ส่วนหนึ่งจากการขายคอลเลกชั่นพิเศษนี้ จะถูกนำไปสมทบทุนให้ GLSEN องค์กรที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่ปลอดภัยและสนับสนุน LGBTQ + เยาวชน อีกด้วย บิวตี้ไอเท็มกู้ชีพของสาวๆ กับไดร์แชมพูที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ ตัวช่วยสำหรับสาวๆในวันที่ผมมัน แตกกลีบ แล้วต้องออกเดต หรือมีนัดสำคัญที่คุณต้องดูดีแบบเร่งด่วน ซึ่ง Batiste ก็มีหลายโปรดักส์ที่น่าสนใจ แต่สำหรับการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงชาว LGBTQ ก็คงจะเป็นการดีไซน์ด้วยโทนสีประจำชาติสีรุ่งอย่างรุ่นนี้ กับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่จะโดดเด่นกว่ากลิ่นอื่นๆที่เคยมีมากับกลิ่นผลไม้ หอมหวาน ผสมผสานกับกลิ่นดอกไม้รับประกันคุณจะมีผมหอมโดดเด่นแน่นอน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า วาสลีนเป็นไอเท็มให้ความชุ่มชื้นกับผิวในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นผิวการ ผิวหน้า รวมถึงบริเวณริมฝีปาก ซึ่งสาวกแดร็กควีน การทาลิปสติกสีจัดจ้าน บางครั้งก็เป็นการทำลายริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวดังนั้น นี่เป็นไอเท็มที่สาวๆแดร็กต้องประทับใจแน่นอน เพราะนอกจากความพิเศษของโทนสีของบรรจุภัณฑ์แล้วนั้น ชิ้นนี้ยังเป็นไอเท็มที่ทำขึ้นร่วมกับ Switchboard LGBTQ สายด่วนเพื่อชาว LGBTQ แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอีกด้วย สีสันที่สดใส ความโดดเด่น แวววาว เรียกว่าเป็นคำจำกัดความของชาว LGBTQ เลยก็ว่าได้ ดังนั้นสปาร์คกลิ้งเลยเป็นสิ่งที่สาวๆเหล่านี้ต้องการกับคอลเลกชั่นพิเศษจาก Marc Jacobs Beauty กับ Enamored (with Pride) Dazzling Gloss Lip Lacquer ลิปกลอสที่มาพร้อมกับ 6 เฉดสีสุดแวววาว ไอเท็มที่จะมาช่วยทำความสะอาดผิวหน้า หลังจากการแปลงโฉมของเหล่าแดร็กควีน คอลเลกชั่นพิเศษที่จะทำให้คุณโดดเด่น ในแสงไฟตลอดเวลา ด้วยเนื้อสัมผัสนุ่มๆของ เส้นใย HaloTech สะอาด และปลอดสารเคมี สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ Face Halo มาแทนที่ผ้าเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางแบบใช้ครั้งเดียวมากถึง 500 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องถูหรือขัดใบหน้า Face Halo กำจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกอย่างอ่อนโยนเหมาะสำหรับทุกสภาพผิวหรือผิวบอบบาง ปิดท้ายด้วยกระดาษเปียกสำหรับเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้าอย่าง  Simple Cleansing Wipes ดีไซน์เก๋ด้วยโทนสีรุ้ง ที่มาพร้อมคุณสมบัติอ่อนโยนต่อผิวแพ้งาน และที่สำคัญคือสะดวก พกพาง่ายนั้นเอง อ่านตันฉบับได้ที่ https://th.hellomagazine.com/beauty-health/beauty/lgbtq-beauty-items-recommend/

Tag:คลินิกเสริมความงาม, Cosmetic,

โพสต์โดย: GenDHL

8

0

5 แบรนด์ความงามออกคอลเล็กชันพิเศษสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ

5 แบรนด์ดังอย่าง Burt’s Bees, Milk Makeup, Kush Queen, Make Up For Ever และ RealHer กลายเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนข้ามเพศ โดยผลิตเครื่องสำอางไอเท็มพิเศษขึ้นมาเพื่อแบ่งรายได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปร่วมสมทบทุนให้กับองค์กรต่างๆ ของ LGBTQ หลายคนรับรู้ว่าเดือนมิถุนายนเป็นเดือน Pride ผู้คนจากทั่วโลกที่ให้การสนับสนุนกลุ่มคนข้ามเพศจะรวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหวผ่านขบวนพาเหรดสีรุ้งสดใสไปตามเมืองต่างๆ ในแต่ละประเทศ แม้แต่ในแวดวงความงามก็มีการเคลื่อนไหวเพื่อกลุ่ม LGBTQ เช่นกัน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Sephora อเมริกาก็ประกาศเตรียมเปิดสอนแต่งหน้าฟรีให้กลุ่มคนข้ามเพศ ล่าสุด 5 แบรนด์ดังอย่าง Burt’s Bees, Milk Makeup, Kush Queen, Make Up For Ever และ RealHer กลายเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนข้ามเพศ โดยผลิตเครื่องสำอางไอเท็มพิเศษขึ้นมาเพื่อนำรายได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปร่วมสมทบทุนให้กับองค์กร LGBTQ และกองทุนที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและภาคการศึกษาต่างๆ สำหรับเยาวชน หากผู้อ่านอยากมีส่วนร่วมในการสมทบทุนผ่านการซื้อเครื่องสำอางสักชิ้น ลองพิจารณา 9 แบรนด์เหล่านี้ดูสิ มันเป็นวิธีการแสดงออกเล็กๆ แต่เราเชื่อว่ามีความหมายสำหรับกลุ่ม LGBTQ ไม่น้อยทีเดียว Pride Burt’s Bees Rainbow Assorted Lip Balm (17 เหรียญสหรัฐ)ใครยังไม่เคยใช้ลิปบาล์มของ Burt’s Bees ถึงเวลาได้ลองของใหม่กันแล้วกับลิปบาล์มใหม่ล่าสุดที่ดีไซน์เป็นสีรุ้งแสนสวย บอกเลยว่ารุ่นนี้มาแรงมาก วัดจากสถิติที่ขายได้ 1 หลอดทุกๆ 3 วินาที โดยรายได้จากการขายลิปสติกคอลเล็กชันนี้จะสมทบทุนเข้าโครงการ The Gay Lesbian and Straight Education Network ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร และเป็นหนึ่งในองค์กรที่พยายามสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับกลุ่มคนข้ามเพศและนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนของรัฐ Milk Makeup Limited Edition Pride Pack (28 เหรียญสหรัฐ)นอกจาก Milk Makeup จะเป็นแบรนด์ที่ประกาศตัวเป็นแบรนด์สายวีแกน 100% แล้วยังเป็นแบรนด์ที่ร่วมสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ ด้วยเช่นกัน ล่าสุดผลิตเซตลิมิเต็ดเอดิชันที่รวมไว้ทั้งลิปกลอสและแทตทูไลเนอร์ให้ใช้งานควบคู่กัน ส่วนรายได้ 50% จากยอดขายจะถูกส่งเข้ากองทุน The Lesbian, Gay, Bisexual & Transgender Community Center (The Center) ในกรุงนิวยอร์ก Kush Queen Pride Bath Bomb (13 เหรียญสหรัฐ)แค่แช่น้ำและใช้บาธบอมบ์หอมๆ อย่าง Kush Queen Pride Bath Bomb ก็มีส่วนได้ร่วมบริจาคเงินสนับกลุ่ม LGBTQ และรายได้ส่วนหนึ่งยังถูกส่งเข้าโครงการที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้ชุมชนอีกด้วย คุณสมบัติเด็ดของบาธบอมบ์ทำมาจากน้ำมันหอมระเหยออร์แกนิก น้ำมันกัญชา และสีผสมอาหารจากธรรมชาติที่ไม่ทำให้อ่างอาบน้ำเปื้อนสีด้วย Kush Queen Pride Bath Bomb (13 เหรียญสหรัฐ)แค่แช่น้ำและใช้บาธบอมบ์หอมๆ อย่าง Kush Queen Pride Bath Bomb ก็มีส่วนได้ร่วมบริจาคเงินสนับกลุ่ม LGBTQ และรายได้ส่วนหนึ่งยังถูกส่งเข้าโครงการที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้ชุมชนอีกด้วย คุณสมบัติเด็ดของบาธบอมบ์ทำมาจากน้ำมันหอมระเหยออร์แกนิก น้ำมันกัญชา และสีผสมอาหารจากธรรมชาติที่ไม่ทำให้อ่างอาบน้ำเปื้อนสีด้วย RealHer Eye Am Outstanding (16 เหรียญสหรัฐ)แบรนด์ RealHer อาจไม่เป็นที่รู้จักในไทย แต่ต้องให้เครดิตการเป็นแบรนด์ความงามที่สนใจกระแสสังคมและสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ ด้วยการแบ่ง 20% ของรายได้จากการขายอายไลเนอร์ RealHer Eye Am Outstanding สมทบทุนเข้าโครงการ LGBT Center of Orange County อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://thestandard.co/5-beauty-brands-special-collections-lgbtq/

Tag:Cosmetic,

โพสต์โดย: GenDHL

16

0

อินไซต์ผู้บริโภคกลุ่ม “Beauty Beasts” เทรนด์ความงามไร้เพศ

อินไซต์ผู้บริโภคกลุ่ม “Beauty Beasts” เทรนด์ความงามไร้เพศผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางไม่ใช่เรื่องเฉพาะเพศหญิงอีกต่อไป ปัจจุบันนี้โลกแห่งความงามได้เปิดกว้าง ไร้เส้นแบ่งทางเพศมากีดกันความสวยงามอย่างเท่าเทีม สังเกตได้จากพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่ผู้นำเสนอสินค้าเป็นเพศชายBeauty Beasts คือกลุ่มคนยุคใหม่วัยหนุ่มสาวที่ชอบในเรื่องความสวยงาม รวมไปจนถึงการดูแลภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูดีอยู่เสมอ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศใดเพศหนึ่ง ทุกเพศล้วนมีความสนใจในการพัฒนาบุคลิกภาพ ดูแลเรื่องหน้าตาผิวพรรณของตัวเองให้ดูสมบูรณ์แบบยุคนี้ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ไม่แบ่งเพศ เชื้อชาติ หรือสีผิว ดังนั้น Beauty Beasts จึงสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจความงามได้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางไม่ใช่เรื่องเฉพาะเพศหญิงอีกต่อไป ปัจจุบันนี้โลกแห่งความงามได้เปิดกว้าง ไร้เส้นแบ่งทางเพศมากีดกันความสวยงาม สังเกตได้จากพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ซึ่งเป็นเพศชายที่นำเสนอบิวตี้ไอเท็มต่างๆ เช่น ดินสอเขียนคิ้ว มาสคาร่า อายไลเนอร์ รองพื้น รวมถึงสกินแคร์มากขึ้น นั่นหมายความว่า Genderless Beauty เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ผู้คนทุกเพศต่างก็ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพความงามเพื่อภาพลักษณ์และความมั่นใจ เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Beauty Beasts หรือกลุ่มคนที่รักในการดูแลความงามส่วนบุคคล   Beauty Beasts คือกลุ่มคนยุคใหม่วัยหนุ่มสาวที่ชอบในเรื่องความสวยงาม รวมไปจนถึงการดูแลภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูดีอยู่เสมอ และในปัจจุบัน เรื่องของความสวยความงามไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศใดเพศหนึ่ง จะเห็นได้ว่าผู้ชายแท้ๆ หันมาใส่ใจการพัฒนาบุคลิกภาพ และดูแลหน้าตาผิวพรรณของตัวเองโดยการเลือกใช้เครื่องสำอางประเภทต่างๆ ตั้งแต่สกินแคร์ไปจนถึงเมกอัพ อย่างเช่นรองพื้น มาสคาร่า หรือผลิตภัณฑ์ตกแต่งคิ้ว ซึ่งไม่ว่าจะเพศไหนก็สามารถใช้บิวตี้ไอเท็มเหล่านี้ได้เหมือนกัน จากการสำรวจของ บริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก ที่ได้ร่วมมือกับ เอ็มไอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการสื่อสารทางการตลาด พบว่า 96% ของกลุ่ม Beauty Beast เป็น Trend Adapter หรือการเปิดรับเทรนด์ แล้วนำมาปรับให้เหมาะสมกับตัวเองมากกว่าเลียนแบบตามกระแสนิยม ซึ่ง 85% ของกลุ่มนี้ กล้าแสดงความคิดเห็น (Expressive) โดยเฉพาะบน Social Media และ 75% เป็น Tech-savvy หรือกลุ่มนี้เกิดและเติบโตในยุคเทคโนโลยี จึงเป็นกลุ่ม Digital Native ซึ่งตรงกับข้อมูลของ GlobalData ที่เผยว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 18-34 ปี จะมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความถนัดในการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ  Beauty Beasts เป็นเทรนด์ที่เชี่อมโยงกับความเป็น Genderless ในยุคนี้ที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ไม่แบ่งเพศ เชื้อชาติ หรือสีผิว ซึ่งสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจความงาม ยกตัวอย่างเช่น Fenty Beauty ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางของนักร้องสาว Rihanna ที่มีจุดยืนว่าเพศไหนก็ใช้ได้ ในส่วนของเมกอัพก็สร้างสรรค์มาให้ครอบคลุมทุกโทนสีผิว ซึ่งนำเสนอตามสื่อโซเชียลต่างๆ ผ่านเซเลบริตี้และอินฟลูเอนเซอร์ซึ่งมีความหลากหลายทางเพศและผิวพรรณ อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเมกอัพคอลเล็กชั่นพิเศษของ M.A.C Cosmetics ซึ่งคอลแลบกับ Caitlyn Jenner สาวข้ามเพศที่มีชื่อเก่าว่า Bruce Jenner หนึ่งในสมาชิกของครอบครัว Kardashian ในการสร้างสรรค์เมกอัพแถมยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับคอลเล็กชั่นนี้ด้วย ถือเป็นก้าวสำคัญของความเท่าเทียมในยุคที่ความงามหลากหลายไม่จำกัดเช่นนี้ อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://www.cosmexshow.com/th-th/blog/meet-beauty-beasts.html

Tag:แฟชั่น, Cosmetic,

โพสต์โดย: GenDHL

16

0

เจาะตลาดLGBTกับ10อันดับตัวอย่างจากแบนด์ดังตลาดที่หลายธุรกิจไม่ควรมองข้าม

เจาะตลาดLGBTกับ10อันดับตัวอย่างจากแบนด์ดังตลาดที่หลายธุรกิจไม่ควรมองข้าม คุณรู้หรือไม่ว่า? ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีกลุ่ม LGBT สูงที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย หรือเทียบเป็นจำนวนประชากรแล้ว มีมากถึง 4 ล้านคน!! LGBT คืออะไร? สำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้จัก LGBT คืออักษรย่อของ Lesbian, Gay, Bisexual และ Transgender หรือที่เราเรียกว่า กลุ่มเพศทางเลือก ที่มีความหลากหลายทางเพศนั่นเองค่ะ จากข้อมูลของ LGBT-Capital.com บอกเอาไว้ว่า ประชากร LGBT ทั่วโลกมีทั้งหมด 483 ล้านคน ซึ่งในเอเชียนั้นมีทั้งหมด 288 ล้านคน หรือ 60% จากทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งไทยเป็นอันดับ 4 มีจำนวน LGBT มากถึง 4 ล้านคน ขอบอกก่อนเลยว่า จำนวนนี้เป็นแค่จำนวนคนที่เปิดเผยเท่านั้นนะคะ นั่นหมายถึงยังไม่รวมจำนวนคนอีกมากมายที่ไม่ได้ระบุเอาไว้อีกด้วย (เยอะมากๆเลยใช่ไหมล่ะ)  อีกทั้งทาง LGBT-Capital.com ยังได้ระบุเอาไว้อีกว่า ประชากร LGBT ในไทยนั้นมีอัตรารายได้รวมสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.7 ล้านล้านบาท ในปี 2559 ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ค่อนข้างสูง และน่าสนใจมากๆ ลูกค้าสายเปย์ขนาดนี้ อย่าพลาดเชียวนะคะ  นอกจากจำนวนคนเยอะ มีกำลังซื้อสูงแล้ว กลุ่ม LGBT ยังมีความภักดีต่อแบรนด์สูงมาก โดยเฉพาะแบรนด์ที่ให้การสนับสนุน อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่ส่วนใหญ่มักจะไม่มีบุตร ทำให้พร้อมใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความสุขได้ไม่มีกังวล จึงเป็นกลุ่มตลาดที่หลายๆธุรกิจ มองข้ามไปไม่ได้เลยค่ะ เสริมเทคนิคเพิ่มเติม “ทำการตลาดกับกลุ่ม LGBT” จะต้อง… Simple    : การนำเสนอจะต้องเข้าใจง่ายเข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน ยุ่งยาก Private    : สร้างกิจกรรมกลุ่มกับคนที่เหมือนๆกัน ให้รู้สึกเป็นส่วนตัว ที่จะกล้าแสดงออกความเป็นตัวเองออกมา Equality  : สร้างความเท่าเทียม เสมอภาค ในการร่วมกิจกรรม รวมถึงโอกาสในเลือก ตัดสินใจต่อสินค้าและบริการ Classy     : สินค้า บริการ สถานที่ ให้ความรู้สึกดูดี มีรสนิยม  Truth      : สื่อสารอย่างจริงใจ น่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ Respect  : แสดงออกอย่างเคารพ และให้เกียรติ ทุกเพศ ทุกวัย เท่าเทียมต่อผู้บริโภคทุกคน แต่ก็อย่างที่รู้กัน สำหรับตลาดในบ้านเราแล้ว ยังถือว่าให้ความสำคัญกับกลุ่มคนในส่วนนี้ค่อนข้างน้อยอยู่ วันนี้เราจึงจะพาไปดูการตลาดของแบรนด์ดังในต่างประเทศ ที่สนับสนุนกลุ่ม LGBT กันอย่างเปิดเผย และแข่งขันกันอย่างคึกคัก กับแคมเปญที่สนับสนุนการเฉลิมฉลอง LGBT Pride Month ที่จัดขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรามาดูกันค่ะว่า มีแบรนด์ดังไหนบ้างที่ทำการตลาด และพวกเขาทำออกมาในรูปแบบไหนกัน ไปรับชมกันค่ะอ่านต้นฉบับได้ที่ https://stepstraining.co/trendy/10-case-study-lgbt-marketing-campaign 

Tag:คลินิกเสริมความงาม, บุคลิกภาพ,

โพสต์โดย: GenDHL

22

0

5 แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ กับกลยุทธ์หนุน LGBTQ

มารู้จักกับ 5 แบรนด์ และ ผลิตภัณฑ์ ที่เชิดชูการสนับสนุนชาว LGBTQ ไปจนถึงความเท่าเทียมทางเพศ และการแสดงออกทางด้านเพศสภาพ ซึ่งหลายแบรนด์ก็ก่อตั้งโดยชาวหลากสีเหมือนกัน ทำให้ชูจุดเด่นในด้านนี้ออกมาเต็มที่ด้วย Babeland แบรนด์ที่รู้จักกันดีในฐานะ ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Sex Toy ที่โด่งดัง ซึ่งก่อตั้งโดย แคลร์ คาวาน่า และ ราเชล เวนนิ่ง จากมหานครนิวยอร์ก ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่เปิดตัวมาในฐานะอุปกรณ์ Sex Toy สำหรับทุกคนและทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญคือพวกเขาทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นรายแรกๆสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ด้วย  ที่จริงพวกเขามุ่งทำการตลาดในช่องทางออนไลน์มาได้สองปีแล้ว ซึ่งค่อนได้รับความนิยมดี โดยหนึ่งในสินค้าที่ได้นับความนิยมก็คือ Club Vibe 3.OH ซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยตัวเองแบบสั่น หรือที่เรียกกันว่า Vibrator ที่มาพร้อมกับเสียงเพลงคลอด้วย ซึ่งในเดือนมิถุนายนนี้ก็มีการทำตลาดลดราคาถึงวันที่ 30 มิ.ย. นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่อยู่คู่กับชาว LGBTQ ในยุคนี้ Xula Herbs แบรนด์ของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสมุนไพรซึ่งก่อตั้งโดยผู้ที่เป็นชาว LGBTQ คือ คาริน่า พรีเมเลส และ เมนน์เลย์ โกโลเคช แอ็กเกรย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ชูจุดเด่นเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องสุขภาพ ซึ่งก็มีจุดเด่นในแง่ของการจับตลาดกลุ่ม LGBTQ มาตั้งแต่แรกเริ่ม แล้วยังมีการทำตลาดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน ไปจนถึงช่วยแก้ปัญหาต่างๆในร่างกายของผู้หญิง เช่นภาวะปวดประจำเดือน เป็นต้น นอกจากนี้แบรนด์ของพวกเขายังสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ต่อต้านการเหยียดผิว และเชื้อชาติ Bokksuเป็นขนมสัญชาติญี่ปุ่น ที่ครอบคลุมในกลุ่ม สแน็ก ลูกกวาด และชา ซึ่งใช้การทำตลาดแบบเดินไปเคาะประตูหน้าบ้านเพื่อขายสินค้า ซึ่งนับว่าเป็นแบรนด์ที่มีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี โดยเริ่มกิจการในครัวเรือนเล็กๆในญี่ปุ่น ก่อนที่จะเริ่มขยายกิจการ กระทั่ง Danny Taing ซึ่งเป็นผู้บริหารกิจการได้พบว่าในสหรัฐอเมริกาไม่มีขนมท้องถิ่นของญี่ปุ่นวางขายเลย ทำให้เขาเริ่มต้นไอเดียในการทำตลาดด้วยการนำขนมขบเคี้ยวแบบบ้านๆของญี่ปุ่นให้แพร่หลาย นอกจากนี้ยังเป็นกิจการที่เลือกสนับสนุน LGBTQ อีกด้วย  Couplet Coffeeแบรนด์กาแฟหน้าใหม่ แล้วก็เป็นแบรนด์กาแฟแห่งแรกที่ก่อตั้งโดยผู้ที่เป็นชาวหลากหลายทางเพศโดยเลสเปี้ยนที่เป็นเชื้อสายของผู้อพยพรุ่นแรกคือ Gefen Skolnick ที่สำคัญคือ การชูประเด็นคำถามที่ว่า กาแฟ สามารถเป็นเครื่องดื่มที่พิเศษสำหรับทุกคนได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นสินค้าที่ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย Ghost Democracyแบรนด์ที่ทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ที่ตั้งชื่อออกมาได้โหดเอามากๆ สำหรับคำว่า Ghost Democracy ก่อตั้งโดย Rex Chou ซึ่งทำงานเกี่ยวกับความงามมานานกว่าทศวรรษ แล้วตัดสินใจเปิดบริษัทสร้างธุรกิจเองด้วยคอนเซปต์ของสินค้าที่เชิดชูว่า “สามารถใช้ได้โดยไม่เกี่ยงเพศ” คือไม่ใช่แค่สกินแคร์สำหรับผู้หญิง แต่ผู้ชายหรือเพศอื่นก็ใช้ได้เช่นกัน ที่จริงแล้วก็ยังมีอีกหลายแบรนด์ในยุคนี้และช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่พยายามเชิดชูประเด็นความเท่าเทียมทางเพศของชาว LGBTQ ว่าพวกเขาควรมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางเพศ ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในกระแสหลักของยุคนี้และยุคถัดไปด้วยอ่านต้นฉบับได้ที่ https://pso.co.th/5-brands-products-and-strategies-to-support-lgbtq/

Tag:คลินิกเสริมความงาม,

โพสต์โดย: GenDHL

25

0

เลขที่ 88 ถนนติวานนท์ 3 (แยก 16) ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

02 968 8019

02 968 9885

คุยกับ Gen AI